วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2553

เพลงกับเด็กปฐมวัย
แนวทางการจัดกิจกรรมเพลงสำหรับเด็กปฐมวัยเพลงจัดเป็นสื่อการเรียนรู้ที่สำคัญต่อพัฒนาการของเด็กปฐมวัย เช่นเดียวกับการเล่นและเล่านิทาน เนื่องจากเพลงช่วยสร้างเสริมให้เด็กเกิดความเพลิดเพลินและกล่อมเกลาให้เด็กเป็นคนมีจิตใจอ่อนไหว รักเสียงเพลงและดนตรี ทำให้ผ่อนคลายอารมณ์และรู้สึกมีชีวิตชีวาในการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งปลูกฝังค่านิยมวัฒนธรรม และมีลักษณะนิสัยที่ดีงามประเภทของเพลงสำหรับเด็กปฐมวัยเพลงเด็กมีหลายประเภทและหลายลักษณะตั้งแต่ในอดีตจนปัจจุบัน ทั้งที่มีมาแต่เดิมและมีการแต่งขึ้นใหม่สำหรับร้องเล่นทั่วไป เพื่อทำให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน ทั้งยังเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทย ซึ่งแบ่งได้ดังนี้เพลงกล่อมเด็ก เป็นบทร้อยกรองหรือบทกลอนสำหรับกล่อมเด็กส่วนใหญ่มีเนื้อหาบรรยายชีวิต และความเป็นอยู่ที่สะท้อนถึงความเอื้ออาทรรักใคร่ผูกพันที่แม่มีต่อลูก ซึ่งจะพบเนื้อหาของเพลงแตกต่างกันไปตามท้องถิ่น ตัวอย่างเช่น เพลงกล่อมเด็กภาคอีสานว่า "แม่ไปไร่สิหมกไข่มาหา แม่ไปนาสิหาปลามาป้อน" เพลงกล่อมเด็กภาคกลาง "กาเหว่าเอย ไข่ไว้ให้แม่กาฟัก" เพลงกล่อมเด็กมักแฝงปรัชญาคำสอนไว้อย่างแยบคาย ให้คนได้คิดเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกที่ต้องให้ความรักเพลงประกอบเด็ก เป็นบทร้องร้อยกรอง / คำคล้องจอง หรือบทปลอบเด็กสำหรับร้องปลอบเด็กร้องไห้โยเยบ่อยให้เงียบ และเกิดความเพลิดเพลิน ตัวอย่างเช่น "กุ๊กๆ ไก่ เลี้ยงลูกจนใหญ่ ไม่มีนมให้ลูกกิน ลูกร้องเจี๊ยบๆ แม่ก็เรียกไปคุ้ยดิน ทำมาหากิน ตามประสาไก่เอย" เพลงปลอบเด็กนี้ จะต้องไห้เด็กฟังอย่างเดียวหรืออาจทำท่าทางประกอบด้วยก็ได้เพลงเด็กเล่นเป็นบทร้อยกรอง หรือบทร้องเล่นของเด็กที่เป็นบทกลอนสั้นๆทำนองง่าย ให้ได้ร้องเล่นเพื่อความสนุกสนาน หรือร้องล้อเลียนหยอกล้อกันเนื้อความบางส่วนอาจไม่มีความหมาย แต่มุ่งให้จังหวะคล้องจอง และสัมผัสที่ไพเราะเป็นการส่งเสริมให้เด็กเรียนรู้คำศัพท์ทางภาษามากขึ้น และฝึกนิสัยในการจำ ตัวอย่าง เช่น "ตั้งไข่ล้มต้มไข่กิน ไข่ตกดิน เก็บกินไม่ได้"บทร้องประกอบการเล่น เป็นร้องที่เป็นบทเพลงทำนองบทกลอนสั้นๆที่ร้องประกอบการละเล่น เพลงส่วนใหญ่ที่ใช้ร้องจะให้จังหวะ ให้ความพร้อมเพรียงในการเล่นเกม เนื้อเพลงบางเพลงยังอธิบายถึงวิธีการเล่นด้วย ตัวอย่างเช่น "มอญซ่อนผ้า ตุ๊กตาอยู่ข้างหลัง ไว้โน่นไว้นี้ ฉันจะตีก้นเธอ" "โพงพางเอย ปลาเข้าลอด ปลาตาบอด เข้าลอดโพงพาง" การละเล่นนี้ยังมีประโยชน์ในการออกกำลังกาย การเล่นร่วมกันการออกเสียงภาษา การรู้จักช่วยเหลือกัน และเสริมสร้างความรู้สึกสุนทรีย์จากสัมผัสคล้องจองไพเราะด้วยเพลงเด็กแต่งขึ้นใหม่ เป็นบทเพลงที่ใช้ประกอบการสอนเด็กปฐมวัยเป็นเนื้อเรื่องที่มีความหมาย และสามารถทำท่าทางประกอบร้องได้ เพื่อจูงใจให้เด็กรู้สึกสนุกสนานและเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ตัวอย่างเช่น เพลงดื่มนม เพลงเก็บของเล่น เพลงนิ้วมือจ๋า เพลงแปรงฟันการเลือกเพลงสำหรับเด็กปฐมวัยเพลงของเด็กควรมีเนื้อร้องง่ายๆ สั้นๆ คำซ้ำๆ เสียงไม่สูงหรือต่ำเกินไปทำนองง่าย จังหวะชัดเจนไม่ช้าหรือเร็วเกินไป และควรเลือกให้เหมาะกับพัฒนาการเรียนรู้และความสามารถทางภาษาของเด็ก โดยเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ควรเลือกบทร้องที่เป็นคำคล้องจองง่ายๆ ส่วนเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป เนื้อร้องอาจยาวขึ้นได้วิธีการแนะนำเพลงให้เด็กการปลูกฝังความสนใจในเพลงให้กับเด็ก ควรเริ่มต้นตั้งแต่เล็กโดยผู้ใหญ่ร้องเพลง หรือเปิดเพลงให้เด็กฟังอย่างสม่ำเสมอ ในช่วงแรกเด็กจะสนใจจังหวะและเคลื่อนไหวร่างกายตามจังหวะ และเริ่มจดจำเนื้อร้องในเพลงเมื่อได้ยินเพลงเดิมซ้ำบ่อยๆ ในการแนะนำเพลงให้กับเด็กควรดำเนินการ ดังนี้- นำเสนอเพลงที่มีเนื้อร้องสั้นๆ มีคำซ้ำๆ และมีทำนองง่าย โดยชักชวนให้เด็กฟังเพลงด้วยกันก่อน เด็กชอบฟังเพลงซ้ำๆ- เปิดโอกาสให้เด็กแสดงออกตามความต้องการ เด็กจะร้องตาม ถูกหรือผิดควรให้โอกาสเด็กได้เรียนรู้อย่างค่อยเป็นค่อยไปด้วยความมั่นใจ- ฝึกให้เด็กรู้จักเคาะจังหวะ เด็กมักมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อเสียงจังหวะเพลง อาจให้เด็กปรบมือตามจังหวะ หรือเคาะเครื่องดนตรีโดยไม่คาดหวังความถูกผิด
คัดลอกจากบทความ http://www.maemaiplengthai.com/webboard/viewthread.php?tid=793

9 ความคิดเห็น:

  1. รักลูกมากกกกก...จะให้ดนตรีอะไรกับลูกดี?
    เมื่อพ่อแม่ เสียสละเวลาเพื่อลูก พาลูกไปเรียนดนตรี แต่กลับให้เรียนในลักษณะของกระบวนการ มากกว่าที่จะให้ลูก ได้สัมผัสกับดนตรีโดยตรง มีวิธีเดียวที่จะทำให้ลูกติดดนตรีไปจนโตได้ จะต้องให้เขาเรียนปฏิบัติจริง เรียนเป็นเพลง ๆ ไป ให้จำได้ทีละเพลง พูดง่าย ๆ คือ เรียนดนตรีโดยการต่อเพลง คล้าย ๆ กับการเรียนดนตรีไทย ดนตรีไทยจะเรียนโดยวิธีต่อเพลงโดยครู หรือพ่อแม่ ปู่ยา ตายาย ฯลฯ นักดนตรีไทยที่เก่ง ๆ เช่น ชัยยุทธ โตสง่า แห่งวง บอยไทย ก็เก่งมาได้จากวิธีการนี้ นักดนตรีเอกของโลก ได้แก่ โยฮัน เซบาสเตียน บ้าค ในยุค บาโร้ค เรียนเปียโนจากการ จดจำพี่ชายเล่น จนในที่สุดเล่นได้เก่งกว่าพี่ชาย ดังนั้น ถ้าจะให้ลูกเรียนดนตรี จงให้เขาเล่นเพลงไปเลย อย่ารอเรียน เบสิค มันเสียเวลา และน่าเบื่อ ในอนาคต ถ้าเขาต้องการเรียนเพิ่มความรู้ให้สูงขึ้น ก็ค่อยไปสนับสนุนอีกครั้งหนึ่ง เด็กเล็ก ๆ ถ้าเรียนดนตรีไทย ควรเรียนเครื่องตี เช่น ขิม ระนาด เพราะการฝึกไม่มีเงื่อนไขอะไรมาก และที่สำคัญ อย่าเก็บเข้าที่ ให้ตั้งวางเครื่องดนตรีนั้น ๆ ไว้ตรงจุดทึ่เขาชอบไปอยู่ พร้อมที่จะเล่นได้ทันที ข้อแนะนำ ถ้ามีเวลาพาลูกไปเรียนดนตรี ควรปฏิบัติดังนี้
    1.อย่ารีบซื้อเครื่องดนตรี เพราะเด็กจะชินตา การเรียนจะไม่ตื่นเต้นพอลูกเล่นได้สักเพลงหรือสองเพลง ค่อยซื้อ แต่อย่าซื้อของแพง เอาไว้พอเขาเก่งขึ้น ค่อยให้เป็นรางวัลอีกครั้ง
    2.เด็กเล็ก ๆ เมื่อเรียนดนตรี ควรให้เรียนด้วยความต้องการของเขาเอง อาจมีความสนใจสั้น แค่ 2 - 3 นาที ครูต้องหาของเล่นให้เล่นสลับกันไปกับการเรียน พ่อแม่ก็อย่าไปว่าครูว่าเขาอู้ เพราะเด็กโดยธรรมชาติมีความสนใจสั้น
    3.พ่อแม่ต้องหวังสูงไว้เสมอว่า ลูกจะต้องเล่นดนตรีจนถึงวัยรุ่น ดังนั้น การจูงใจทุกรูปแบบ การใช้จิตวิทยา การเสริมแรงด้วยรางวัล ล้วนทำให้ลูกติดดนตรีจนโต สามารถหลุดรอดจากสังคมที่สุ่มเสี่ยงได้เป็นอย่างดี
    4.อย่าลืมหาเวทีให้ลูกโชว์บ่อย ๆ แม้ว่าจะต้องเหน็ดเหนี่อยบ้าง แต่รับรองว่าคุ้มค่าในอนาคต
    จะให้ลูกเรียนอะไรดี
    1.ดนตรีไทย
    ควรเลือก
    -ขิม
    -ระนาด
    2.ดนตรีสากล
    ควรเลือก
    -เปียโน ( ที่สร้างเสียงโดยการเคาะลงบนคีย์บอร์ด )
    -ไวโอลิน ( อาจยากในช่วงแรก ๆ แต่จะเป็นผลดีในภายหลัง )
    หมายเหตุ เครื่องดนตรีอื่น ๆ ก็สามารถเลือกเล่นได้ แต่ที่แนะนำแค่ 2 ประเภท ก็เพื่อให้มีทางเลือกที่ง่ายขึ้น
    ส่วนข้อมูลที่นำมาแนะนำนี้ ยังไม่ถือเป็นข้อยุติ เพราะเป็นเพียงการเก็บข้อมูลจากเหตุการณ์จริงในแวดวงของการเรียนการสอนดนตรีโดยทั่ว ๆ ไป
    ทางเลือกของการเรียนดนตรีของเด็กเล็ก ๆ พ่อแม่ต้องศึกษาจิตวิทยาเด็กไปด้วย โดยเข้าไปอ่านเว็บไซด์ที่เกี่ยวกับ ดนตรี พัฒนาการเด็ก


    กรณีศึกษา
    ครอบครัวหนึ่ง มีลูกสาว 1 คน พ่อเป็นครูสอนดนตรี แม่เป็นครูอนุบาล พ่อสอนดนตรีให้ลูกด้วยตัวเองตั้งแต่ 8 ขวบ ( ถือกันว่า อายุ 8 ขวบเป็นช่วงของการเริ่มต้นดนตรีได้ดีที่สุด ) ไม่สอนโน้ตหรือเบสิค แต่ให้เรียนเปียโนโดยสอนเพลง Turkish march ของ Mozart โดยวิธีให้จำไปทีละห้อง ไม่ได้รีบร้อน

    ขณะที่ดำเนินการสอนอยู่นั้น ผู้เป็นแม่รู้ถึงระยะความสนใจของเด็กรุ่นนี้ว่า สั้นมาก จึงวางเปียโนไว้ตรงทางเดินที่ทุกคนต้องผ่าน เปิดสวิทซ์ไว้ตลอดเวลาเมื่ออยู่ในบ้าน แม่ทำเป็นอยากเรียนบ้าง พ่อก็มาสอนให้ แต่ในขณะที่สอน แม่ก็ทำเป็นเล่นไม่ได้ ท้าให้ลูกมาแข่งกับแม่

    เกิดการต่อสู้กันระหว่างแม่กับลูก พอแม่นั่งเล่นเปียโนได้สักพักหนึ่ง ลูกก็จะมาร่วมแจมด้วยเสมอ

    เริ่มใช้จิตวิทยาการเสริมแรงด้วยการให้คำชมเชยในครั้งแรกที่ลูกเล่นได้คล่องแคล่ว การเรียนดำเนินไปอย่างน่าสนใจ

    วันหนึ่ง เด็กน้อยเล่นจบเพลง สร้างความประหลาดใจให้ผู้พบเห็น ที่เด็กตัวนิดเดียวสามารถเล่นเพลงดังกล่าวได้อย่างคล่องแคล่ว ความเร็วของนิ้วสูงมาก

    ปัจจุบัน คุณแม่ยังเล่นเปียโนไม่ได้เลย แต่คุณลูกเป็นครูสอนเปียโนไปแล้ว


    นางสาวจงกลกร พันธ์ประสิทธิ์ 484186101 หมู่เรียน 48/186/1 นู๋นุ้ยค่ะ
    nunuitawhan2927@hotmail.com

    ตอบลบ
  2. ดนตรีเป็นศาสตร์ หรือวิชาที่ทำให้เด็กระดับปฐมวัยได้รับการพัฒนาทุก ๆ ด้านของการเจริญเติบโต ไม่ว่าจะเป็นความรู้ ความจำ สังคม ค่านิยม การคิดหาเหตุผล การสร้างสรรค์ การพัฒนากล้ามเนื้อ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การพัฒนาตนเองให้เข้ากับกลุ่ม หรือสภาพแวดล้อมของสังคมต่าง ๆ ดนตรีจึงน่าจะเป็นวิชาเดียวเท่านั้นที่ทำให้เด็กสนุกสนานรื่นเริงอย่างเต็มที่ ทั้งการแสดงออกทางร่างกาย ความคิด ตลอดจนพัฒนาการทางจิตใจ อารมณ์ และนอกจากนี้ ดนตรีนอกจากนี้ ดนตรียังสามารถนำไปสัมพันธ์ เชื่อมโยงหรือบูรณาการ กับวิชาการ องค์ความรู้ และกิจกรรมต่าง ๆ แก่เด็กปฐมวัยอย่างสำคัญทีเดียว ประการสำคัญดนตรีเป็นตัวจักรสำคัญที่ใช้ในการเสริมสร้างพัฒนาการด้านต่างๆ ของเด็กปฐมวัย


    /นางสาวทิพวรรณ แพงป้อง 484186105 หมู่เรียน 48/186/1 วันคะ
    one_1_ja@hotmail.com

    ตอบลบ
  3. ดนตรีกับพัฒนาการเด็กปฐมวัย

    ดนตรี เป็นสื่อภาษาสากล มีอิทธิพลต่อความรู้สึกนึกคิด อารมณ์ และความรู้สึกของมนุษย์ ดนตรีเหมาะสม กับการนำมาใช้เพื่อการจัดการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย เพราะนอกจากการสร้างเสริมพัฒนาการในทุกด้านแล้วยังสามารถปลูกฝังนิสัยที่ดีงาม และประสมประสานวิชาการด้านต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับเด็กปฐมวัยได้ ช่วงแห่งปฐมวัยนี้ เด็กจำเป็นจะต้องได้รับการส่งเสริม สนับสนุน ปลูกฝัง หล่อหลอมพัฒนาทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญา เจตคติ คุณธรรม ศีลธรรม ประสบการณ์ ทักษะด้านต่าง ๆ ตลอดจนสภาพแวดล้อมที่ดี ในช่วงนี้เด็กจะมีพัฒนาการทุกด้านอย่างรวดเร็ มีความใสบริสุทธิ์เสมือน ผ้าขาวที่กำลังรอรับการบรรจงแต่งแต้ม สีสันต่าง อีกทั้งยังต้องการเรียนรู้สิ่งแปลงใหม่อยู่เสมอ ประการสำคัญในสองปีแรกของชีวิต เซลล์สมองและระบบประสาทจะเจริญเกือบเต็มี่ และการเจริญเติบ โตของสมองในช่วงต่อไปยังคงมีอยู่ในลักษณะของการเปลี่ยนแปลงรูปให้เหมาะสมกับหน้าที่และการสร้างวงจรประสาท ดังนั้นหากเด็กไม่ได้รับการเอาใจใส่ที่ดีขาดสิ่งเร้าที่เหมาะสมก็จะขาดสิ่งที่จะไปกระตุ้นให้ระบบประสาทที่กำลังเติบโตทำงานได้อย่างสมบูรณ์ วัย 6 ปีแรกของชีวิตนั้น มีความสำคัญในการพัฒนายิ่งกว่าวัยอื่น ๆ ทั้งหมด และถ้าเด็กปฐมวัยไม่ได้รับการพัฒนาอย่างถูกต้อง ความสามารถในการเรียนรู้ก็จะถูกยับยั้งให้ล่าช้าหรือชะงักงันได้

    สิ่งที่จะเป็นสื่อเป็นสิ่งเร้าและแนวทางในการพัฒนาสิ่งต่าง ๆ ของเด็กปฐมวัยมีมากมายหลายอย่าง หลายวิธีการ วัสดุ อุปกรณ์ เทคโนโลยี ทั้งมีความหมายเหมือนและความแตกต่างกัน ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามีการศึกษาค้นคว้า วิเคราะห์ วิจัย สารัตถะที่จะนำมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาเด็กในระดับปฐมวัยทั้งในและต่างประเทศ หนึ่งในจำนวนนั้นก็คือ

    “ เพลงหรือคนตรี ” อันเป็นสิ่งที่นักวิชาการ นักศึกษา ท่านผู้รู้ ปราชญ์ ร่วมทั้งพ่อแม่ผู้ปกครอง ผู้เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัย ต่างเห็นคุณค่าความสำคัญ สารัตถุประโยชน์แห่งศาสตร์ทางดนตรี ในการที่จะนำดนตรีมาเป็นสิ่งแห่งการพัฒนาเด็กปฐมวัยในด้านต่าง ๆ

    “ ดนตรี ” นับเป็นสิ่งแวดล้อมทางสังคมอย่างหนึ่งที่มีความใกล้ชิดกับเด็ก แล้วยังมีนักการศึกษาให้ทรรศนะ โลกของเด็กเป็นโลกดนตรีไม่ว่าเริ่มตั้งแต่เสียงเต้นของหัวใจแม่ เสียงเพลงที่แม่กล่อม การดูโทรทัศน์ ฟังวิทยุและชมภาพยนตร์ มักจะมีเสียงดนตรีอยู่เสมอ ประสบการณ์ทางดนตรีจึงควรเป็นส่วนหนึ่งของการบูรณาการชีวิตของเด็กที่ทางโรงเรียนควรจัดให้มีขึ้น เพราะคุณค่ ของดนตรีจะช่วยให้ ้เด็กมี พัฒนา การที่ดีงาม ในระดับปฐมวัยนี้ เสียงดนตรีมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งใน อันที่จะวางรากฐานใน การพัฒนา ความคิดสร้างสรรค์ การสื่อหรือการแสดงออก ทางด้านอารมณ์ จิตใจ และสังคม เนื่องจากดนตรีเป็นเรื่องของโสตศิลป์ ที่สามารถถ่ายทอดความรู้สึก อันจะนำเด็กไปสู่การรับรู้ในเรื่องของความงาม อย่างมีสุนทรีย์ ช่วยให้เด็กเป็นคนละเอียดอ่อนไวต่อการรับรู้ มีเหตุผล และมีความจำเป็นที่จะให้ความเจริญเติบโตของเด็กมีความสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยดนตรีเป็นสื่อกลางของเด็กในการพัฒนา คุณค่าทางสมองด้านความต้องการและความพอใจต่อสุนทรีย์ ดนตรีมีคุณค่าต่อการจัดระเบียบความ เจริญของสมองและ เป็นปัจจัยสำคัญ ที่กล่าวอีกว่า ดนตรีสามารถดึงดูดความสนใจ ของเด็กช่วยทำให้จิตใจแช่มชื่นและเกิดการผ่อนคลาย

    ดังนั้น การได้อยู่ในสภาพแวดล้อมและบรรยากาศที่ดี จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะถ้าหากมีเสียงดนตรีตลอดเบา ๆ ซึ่งทำให้เด็กมีจิตใจที่สดชื่นแจ่งใสและผ่อนคลายความตึงเครียดได้ อีกทั้งยังช่วยให้สมองปลอดโปร่ง มีสมาธิที่จะคิดทำสิ่งใดให้ได้ผลดี

    นอกจากนี้ดนตรียังเป็นสื่ออย่างหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มหรือทำให้บรรยากาศในระหว่างการดำเนินกิจกรรมเป็นไปอย่างสนุกสนานยิ่งขึ้น ช่วยให้เด็กเกิดความสนใจและอยากร่วมทำกิจกรรมยาวนาน และมีความหลากหลายยิ่งขึ้น มนุษย์นิยมใช้ดนตรีช่วยผ่อนคลายมากกว่าอย่างอื่น เพราะไม่เป็นอันตรายหรือข้อจำกัดห้ามไม่ว่าบุคคลนั้นจะอยู่ในวัยใด เพศใด หรือฐานะสภาพทางสังคม วัฒนธรรม ประเพณี ต่างกัน

    นางสาวสุภาภรณ์ วรรณวงค์ 484186124 48/186/1

    ตอบลบ
  4. ดนตรีกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย

    ดนตรี เป็นสื่อภาษาสากล มีอิทธิพลต่อความรู้สึกนึกคิด อารมณ์ และความรู้สึกของมนุษย์ ดนตรีเหมาะสม กับการนำมาใช้เพื่อการจัดการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย เพราะนอกจากการสร้างเสริมพัฒนาการในทุกด้านแล้วยังสามารถปลูกฝังนิสัยที่ดีงาม และประสมประสานวิชาการด้านต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับเด็กปฐมวัยได้ ช่วงแห่งปฐมวัยนี้ เด็กจำเป็นจะต้องได้รับการส่งเสริม สนับสนุน ปลูกฝัง หล่อหลอมพัฒนาทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญา เจตคติ คุณธรรม ศีลธรรม ประสบการณ์ ทักษะด้านต่าง ๆ ตลอดจนสภาพแวดล้อมที่ดี

    ในช่วงนี้เด็กจะมีพัฒนาการทุกด้านอย่างรวดเร็ มีความใสบริสุทธิ์เสมือน ผ้าขาวที่กำลังรอรับการบรรจงแต่งแต้ม สีสันต่าง อีกทั้งยังต้องการเรียนรู้สิ่งแปลงใหม่อยู่เสมอ ประการสำคัญในสองปีแรกของชีวิต เซลล์สมองและระบบประสาทจะเจริญเกือบเต็มี่ และการเจริญเติบ โตของสมองในช่วงต่อไปยังคงมีอยู่ในลักษณะของการเปลี่ยนแปลงรูปให้เหมาะสมกับหน้าที่และการสร้างวงจรประสาท ดังนั้นหากเด็กไม่ได้รับการเอาใจใส่ที่ดีขาดสิ่งเร้าที่เหมาะสมก็จะขาดสิ่งที่จะไปกระตุ้นให้ระบบประสาทที่กำลังเติบโตทำงานได้อย่างสมบูรณ์ วัย 6 ปีแรกของชีวิตนั้น มีความสำคัญในการพัฒนายิ่งกว่าวัยอื่น ๆ ทั้งหมด และถ้าเด็กปฐมวัยไม่ได้รับการพัฒนาอย่างถูกต้อง ความสามารถในการเรียนรู้ก็จะถูกยับยั้งให้ล่าช้าหรือชะงักงันได้
    สิ่งที่จะเป็นสื่อเป็นสิ่งเร้าและแนวทางในการพัฒนาสิ่งต่าง ๆ ของเด็กปฐมวัยมีมากมายหลายอย่าง หลายวิธีการ วัสดุ อุปกรณ์ เทคโนโลยี ทั้งมีความหมายเหมือนและความแตกต่างกัน ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามีการศึกษาค้นคว้า วิเคราะห์ วิจัย สารัตถะที่จะนำมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาเด็กในระดับปฐมวัยทั้งในและต่างประเทศ หนึ่งในจำนวนนั้นก็คือ “ เพลงหรือคนตรี ” อันเป็นสิ่งที่นักวิชาการ นักศึกษา ท่านผู้รู้ ปราชญ์ ร่วมทั้งพ่อแม่ผู้ปกครอง ผู้เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัย ต่างเห็นคุณค่าความสำคัญ
    สารัตถุประโยชน์แห่งศาสตร์ทางดนตรี ในการที่จะนำดนตรีมาเป็นสิ่งแห่งการพัฒนาเด็กปฐมวัยในด้านต่าง ๆ “ ดนตรี ” นับเป็นสิ่งแวดล้อมทางสังคมอย่างหนึ่งที่มีความใกล้ชิดกับเด็ก แล้วยังมีนักการศึกษาให้ทรรศนะ

    โลกของเด็กเป็นโลกดนตรีไม่ว่าเริ่มตั้งแต่เสียงเต้นของหัวใจแม่ เสียงเพลงที่แม่กล่อม การดูโทรทัศน์ ฟังวิทยุและชมภาพยนตร์ มักจะมีเสียงดนตรีอยู่เสมอ ประสบการณ์ทางดนตรีจึงควรเป็นส่วนหนึ่งของการบูรณาการชีวิตของเด็กที่ทางโรงเรียนควรจัดให้มีขึ้น เพราะคุณค่า ของดนตรีจะช่วยให้ ้เด็กมี พัฒนา การที่ดีงาม ในระดับปฐมวัยนี้ เสียงดนตรีมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งใน อันที่จะวางรากฐานใน การพัฒนา ความคิดสร้างสรรค์ การสื่อหรือการแสดงออก ทางด้านอารมณ์ จิตใจ และสังคม เนื่องจากดนตรีเป็นเรื่องของโสตศิลป์ ที่สามารถถ่ายทอดความรู้สึก อันจะนำเด็กไปสู่การรับรู้ในเรื่องของความงาม อย่างมีสุนทรีย์ ช่วยให้เด็กเป็นคนละเอียดอ่อนไวต่อการรับรู้ มีเหตุผล และมีความจำเป็นที่จะให้ความเจริญเติบโตของเด็กมีความสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้

    โดยดนตรีเป็นสื่อกลางของเด็กในการพัฒนา คุณค่าทางสมองด้านความต้องการและความพอใจต่อสุนทรีย์ ดนตรีมีคุณค่าต่อการจัดระเบียบความ เจริญของสมองและ เป็นปัจจัยสำคัญ ที่กล่าวอีกว่า ดนตรีสามารถดึงดูดความสนใจ ของเด็กช่วยทำให้จิตใจแช่มชื่นและเกิดการผ่อนคลาย ดังนั้น การได้อยู่ในสภาพแวดล้อมและบรรยากาศที่ดี จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะถ้าหากมีเสียงดนตรีตลอดเบา ๆ ซึ่งทำให้เด็กมีจิตใจที่สดชื่นแจ่งใสและผ่อนคลายความตึงเครียดได้ อีกทั้งยังช่วยให้สมองปลอดโปร่ง มีสมาธิที่จะคิดทำสิ่งใดให้ได้ผลดี

    นอกจากนี้ดนตรียังเป็นสื่ออย่างหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มหรือทำให้บรรยากาศในระหว่างการดำเนินกิจกรรมเป็นไปอย่างสนุกสนานยิ่งขึ้น ช่วยให้เด็กเกิดความสนใจและอยากร่วมทำกิจกรรมยาวนาน และมีความหลากหลายยิ่งขึ้น มนุษย์นิยมใช้ดนตรีช่วยผ่อนคลายมากกว่าอย่างอื่น เพราะไม่เป็นอันตรายหรือข้อจำกัดห้ามไม่ว่าบุคคลนั้นจะอยู่ในวัยใด เพศใด หรือฐานะสภาพทางสังคม วัฒนธรรม ประเพณี ต่างกัน
    นางสาวสุภาภรณ์ วรรณวงค์ 484186124 48/186/1

    ตอบลบ
  5. การจัดกิจกรรมดนตรีในระดับปฐมวัยนั้น ตัวเด็กเองจะได้พัฒนาทางทัศนคติที่ดีควบคู่ไปด้วย และกระบวนการเรียนการสอน เมื่อเด็กเริ่มการเรียนรู้สาระดนตรี เด็กจะเริ่มสะสมประสบการณ์ต่างๆ รวมทั้งทัศนคติซึ่งเป็นเรื่องทางจิตใจ ดังนั้นจึงเป็นความจำเป็นที่ผู้สอนควรมีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนการสอนและจัดการเรียนการสอนให้เด็กได้รับประสบการณ์ที่พึงพอใจเพื่อเด็กเกิดความสนใจ ความชอบ ความรักในดนตรี สำหลับเด็กวัยนี้ควรปลูกฝังทัศนคติที่จัดเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นวัยที่เริ่มเรียนดนตรี ถ้าเด็กมีทัศนคติต่อดนตรีแล้ว ในการศึกษาดนตรีต่อๆไป เด็กย่อมจะมีความสนใจอยากศึกษาด้านสาระดนตรี ดังนั้นครูผู้สอนจึงพยายามทำให้เด็กเพลิดเพลิน สนุกสนานไปกับดนตรีเสมอ

    ตอบลบ
  6. ชูมือขึ้นแล้วหมุนๆ ชูมือขึ้นโบกไปมา (ซ้ำ)

    กางแขนขึ้นและลง พับแขนมือแตะไหล

    กางแขนขึ้นและลง ชูขึ้นตรงหมุนไปรอบตัว


    เพลงนี้เมื่อฟังแล้วรู้สึกสบายใจ และอย่าจะทำท่าทางตามเพลงไป

    ตอบลบ
  7. การใช้เพลงกับเด็กปฐมวัย
    ก่อนเริ่มกิจกรรมนั้นครูต้องเตรียมเด็กโดยเฉพาะกิจกรรมในวงกลมหรือกิจกรรมเสริมประสบการณ์ ครูอนุบาลส่วนใหญ่ชอบใช้เพลงเป็นสื่อ ดังนั้นเพลงที่ใช้ควรมีเนื้อหาสอดคล้องกับเรื่องที่จะเรียน ทั้งยังเป็นการนำเข้าสู่บทเรียนได้ด้วย

    จุดประสงค์ของการใช้เพลง
    ·ใช้เพื่อเตรียมเด็กก่อนเข้ากิจกรรม
    ·ใช้เพื่อประกอบกิจกรรมการเคลื่อนไหว
    ·ใช้เพื่อผ่อนคลาย
    ·ใช้เป็นสื่อสาระการเรียนรู้

    ประโยชน์ที่ได้รับ
    ·เด็กพูดได้เร็วขึ้น
    ·พูดออกเสียงชัดเจน
    ·มีความกระตือรือร้นในการเรียน
    ·กล้าแสดงออก
    ·เป็นการฝึกสมาธิ
    ·สร้างสุนทรีย์ในจิตใจ
    ·สร้างสรรค์ปัญญา

    การเลือกเพลง มีข้อสังเกตในการเลือกดังนี้
    ·เนื้อเพลง
    ·ดนตรีประกอบ
    ·จังหวะ
    ·ความถูกต้องของภาษา
    ·การนำไปใช้เพื่อส่งเสริมพัฒนาการ

    สรุป การใช้เพลงกับเด็กปฐมวัยให้ประโยชน์หลายอย่างกับเด็ก ทั้งการส่งเสริมพัฒนาการ ทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม ปัญญา รวมถึงภาษา ซึ่งเด็กจะสนุกได้ถ้าเพลงที่นำมาใช้นั้น เป็นการสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายสนับสนุนให้รู้สึกอยากเข้าร่วมกิจกรรม

    ตอบลบ
  8. ***ดนตรีมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย จิตใจ และการทำงานของสมองในหลาย ๆ ด้าน จากการศึกษาวิจัยพบว่าผลของดนตรีต่อร่างกาย สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของ อัตราการหายใจ, อัตราการเต้นของชีพจร, ความดันโลหิต, การตอบสนองของม่านตา, ความตึงตัวของกล้ามเนื้อ และการไหลเวียนของเลือด จึงมีการนำดนตรีมาประยุกต์ใช้ในการรักษาโรคภัยไข้ เจ็บทั้งร่างกายและจิตใจ เรียกกันว่าดนตรีบำบัด (music therapy)

    """"ประโยชน์ของดนตรีบำบัดมีหลายประการ เช่น ช่วยปรับสภาพจิตใจ ให้อยู่ในสภาวะสมดุล มีมุมมองในเชิงบวก ผ่อนคลายความตึงเครียด ลดความวิตกกังวล กระตุ้น เสริมสร้าง และพัฒนาทักษะการเรียนรู้ และความจำ กระตุ้นประสาทสัมผัส การรับรู้ เสริมสร้างสมาธิ พัฒนาทักษะสังคม พัฒนาทักษะการสื่อสารและการใช้ภาษา พัฒนาทักษะการเคลื่อนไหว ลดความตึงตัว ของกล้ามเนื้อ ลดอาการเจ็บปวดจากสาเหตุต่าง ๆ ปรับลดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม สร้างสัมพันธภาพที่ดีในการบำบัดรักษาต่าง ๆ และช่วยเสริมในกระบวนการบำบัดทางจิตเวช ทั้งในด้านการประเมินความรู้สึก สร้างเสริมอารมณ์เชิงบวก การควบคุมตนเอง การแก้ปมขัดแย้งต่าง ๆ และเสริมสร้างความเข้มแข็งของครอบครัว

    ตอบลบ
  9. ทำไมดนตรีจึงมีความสำคัญ?

    เพราะดนตรีมีองค์ประกอบที่สมบูรณ์แบบ เกิดจากการสร้างสรรค์ของมนุษย์ที่ใช้ทั้งสมองซีกซ้าย ซึ่งเป็น
    พื้นฐานของคณิตศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ การอ่าน เขียน และพูด อีกทั้งมีผลต่อการคิดวิเคราะห์ เหตุผลเชิง
    ความสำคัญของสิ่งต่างๆ และใช้สมองซีกขวา ช่วยการเรียนรู้ ความรู้สึก และจินตนาการ รวมถึงกระตุ้นความ
    คิดสร้างสรรค์ ศิลปะ และดนตรี

    ดนตรีที่ดีสำหรับพัฒนาการของลูกน้อย เป็นดนตรีที่ประพันธ์ขึ้นให้มีจังหวะ ทำนอง และความกลมกลืนของ
    เสียง อย่างมีลำดับ มีส่วนช่วยในการจัดลำดับความคิดในสมองส่วน Spatial Temporal ซึ่งมีความสำคัญต่อ
    การเรียนรู้ของเด็ก เช่น เพลงคลาสสิค เป็นต้น

    เมื่อลูกในครรภ์อายุ 5 เดือน ระบบประสาทการรับฟังจะเริ่มทำงาน การได้ยินเริ่มต้นขึ้น และพัฒนาต่อไปเรื่อยๆตามลำดับคลื่นเสียงที่มีโครงสร้างที่เหมาะสมจะไปกระตุ้นเครือข่ายใยประสาทที่เกี่ยวข้องกับการได้ยิน ให้พัฒนาระบบการทำงานได้เร็วขึ้น ทำให้เมื่อลูกออกมาลืมตาดูโลกมีความสามารถในการจัดลำดับความคิดในสมอง รู้สึกผ่อนคลาย และจดจำสิ่งต่างๆ ได้ดี

    จากการวิจัยพบว่า ลูกน้อยมีการพัฒนาความสามารถในการรับรู้เกี่ยวกับจังหวะตั้งแต่อยู่ในครรภ์ สามารถเคลื่อน
    ไหว และตอบสนองตามเสียงที่มีจังหวะเร็วและช้าได้ สามารถแยกแยะเสียงที่คุ้นเคยตั้งแต่อยู่ในครรภ์ รวมถึง
    จดจำเสียงที่ได้ยินบ่อยๆ เช่น เสียงคุณแม่ คุณพ่อ เสียงเพลงที่เปิดให้ฟัง

    ตอบลบ