วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ประเภทเพลงสำหรับเด็ก


ประเภทของเพลงสำหรับเด็กปฐมวัยเพลงเด็กมีหลายประเภทและหลายลักษณะตั้งแต่ในอดีตจนปัจจุบัน ทั้งที่มีมาแต่เดิมและมีการแต่งขึ้นใหม่สำหรับร้องเล่นทั่วไป เพื่อทำให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน ทั้งยังเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทย ซึ่งแบ่งได้ดังนี้เพลงกล่อมเด็ก เป็นบทร้อยกรองหรือบทกลอนสำหรับกล่อมเด็กส่วนใหญ่มีเนื้อหาบรรยายชีวิต และความเป็นอยู่ที่สะท้อนถึงความเอื้ออาทรรักใคร่ผูกพันที่แม่มีต่อลูก ซึ่งจะพบเนื้อหาของเพลงแตกต่างกันไปตามท้องถิ่น ตัวอย่างเช่น เพลงกล่อมเด็กภาคอีสานว่า "แม่ไปไร่สิหมกไข่มาหา แม่ไปนาสิหาปลามาป้อน" เพลงกล่อมเด็กภาคกลาง "กาเหว่าเอย ไข่ไว้ให้แม่กาฟัก" เพลงกล่อมเด็กมักแฝงปรัชญาคำสอนไว้อย่างแยบคาย ให้คนได้คิดเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกที่ต้องให้ความรักเพลงประกอบเด็ก เป็นบทร้องร้อยกรอง / คำคล้องจอง หรือบทปลอบเด็กสำหรับร้องปลอบเด็กร้องไห้โยเยบ่อยให้เงียบ และเกิดความเพลิดเพลิน ตัวอย่างเช่น "กุ๊กๆ ไก่ เลี้ยงลูกจนใหญ่ ไม่มีนมให้ลูกกิน ลูกร้องเจี๊ยบๆ แม่ก็เรียกไปคุ้ยดิน ทำมาหากิน ตามประสาไก่เอย" เพลงปลอบเด็กนี้ จะต้องไห้เด็กฟังอย่างเดียวหรืออาจทำท่าทางประกอบด้วยก็ได้เพลงเด็กเล่นเป็นบทร้อยกรอง หรือบทร้องเล่นของเด็กที่เป็นบทกลอนสั้นๆทำนองง่าย ให้ได้ร้องเล่นเพื่อความสนุกสนาน หรือร้องล้อเลียนหยอกล้อกันเนื้อความบางส่วนอาจไม่มีความหมาย แต่มุ่งให้จังหวะคล้องจอง และสัมผัสที่ไพเราะเป็นการส่งเสริมให้เด็กเรียนรู้คำศัพท์ทางภาษามากขึ้น และฝึกนิสัยในการจำ ตัวอย่าง เช่น "ตั้งไข่ล้มต้มไข่กิน ไข่ตกดิน เก็บกินไม่ได้"บทร้องประกอบการเล่น เป็นร้องที่เป็นบทเพลงทำนองบทกลอนสั้นๆที่ร้องประกอบการละเล่น เพลงส่วนใหญ่ที่ใช้ร้องจะให้จังหวะ ให้ความพร้อมเพรียงในการเล่นเกม เนื้อเพลงบางเพลงยังอธิบายถึงวิธีการเล่นด้วย ตัวอย่างเช่น "มอญซ่อนผ้า ตุ๊กตาอยู่ข้างหลัง ไว้โน่นไว้นี้ ฉันจะตีก้นเธอ" "โพงพางเอย ปลาเข้าลอด ปลาตาบอด เข้าลอดโพงพาง" การละเล่นนี้ยังมีประโยชน์ในการออกกำลังกาย การเล่นร่วมกันการออกเสียงภาษา การรู้จักช่วยเหลือกัน และเสริมสร้างความรู้สึกสุนทรีย์จากสัมผัสคล้องจองไพเราะด้วยเพลงเด็กแต่งขึ้นใหม่ เป็นบทเพลงที่ใช้ประกอบการสอนเด็กปฐมวัยเป็นเนื้อเรื่องที่มีความหมาย และสามารถทำท่าทางประกอบร้องได้ เพื่อจูงใจให้เด็กรู้สึกสนุกสนานและเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ตัวอย่างเช่น เพลงดื่มนม เพลงเก็บของเล่น เพลงนิ้วมือจ๋า เพลงแปรงฟัน

ดนตรีช่วยแก้ปัญหาเด็กสมาธิสั้นได้จริงหรือ





ดนตรีมีประโยชน์มากมาย การฟังดนตรีทำให้เราผ่อนคลาย เพลิดเพลิน มีความสุข หากเราได้เล่นดนตรีก็ยิ่งเป็นการปลดปล่อยความเครียดที่ฝังอยู่ตามกล้ามเนื้อและเซลล์ประสาทให้ออกมากับการเล่นดนตรี ทำให้อารมณ์ดีขึ้น สามารถควบคุมอารมณ์ต่างๆ ได้ดีขึ้น ส่งผลให้ความเฉลียวฉลาดทางอารมณ์ EQ สูงขึ้น
และเมื่อเด็กเรียนดนตรี เด็กจะมุ่งความสนใจไปที่เสียงดนตรีที่ตนเองสามารถทำให้เกิดขึ้นได้ เด็กจะเกิดความภาคภูมิใจในความสามารถของตนเอง และอยากจะเล่นดนตรีต่อไปเพื่อให้เกิดเสียงที่ไพเราะขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเด็กจดจ่ออยู่กับเสียงดนตรีที่ตนเองสร้างขึ้น ช่วงความสนใจของเด็กก็จะเพิ่มมากขึ้นทีละนิด ขี้นอยู่กับทำนองเพลงที่เด็กฝึกหัด เมื่อเริ่มแรกเด็กอาจฝึกหัดเพลงพื้นฐานสั้นๆ ช่วงความสนใจของเด็กอาจอยู่ในเวลา 1-2 นาที ลำดับต่อไปเด็กได้ฝึกเพลงที่มีความซับซ้อนมากขึ้นทีละนิด เด็กก็จะมีช่วงของความสนใจเพิ่มขึ้นเป็น 3-5 นาที และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากเด็กชอบและรักที่จะเล่นดนตรี
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกำลังใจที่ครูผู้สอนและพ่อแม่ผู้ปกครองจะกระตุ้นให้เด็กเกิดความสนใจในดนตรีมากขึ้น การเสริมแรงจากครูและพ่อแม่ผู้ปกครอง เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวดที่จะทำให้เด็กเพิ่มความสนใจในดนตรี และจะทำให้ช่วงความสนใจของเด็กเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลไปสู่การเรียนในห้องเรียน การทำการบ้าน การอ่านหนังสือ หรือการทำสิ่งต่างๆ
จากที่โรงเรียนดนตรีบ้านเก่งขิมได้สอนเด็กที่มีอาการเข้าข่ายสมาธิสั้น หรือมีช่วงความสนใจต่อสิ่งต่างๆ น้อยมาก เมื่อมาเรียนขิม เด็กหลายคนมีสมาธิดีขึ้น มีสภาวะอารมณ์ที่ดีขึ้น มีการระบายอารมณ์ออกมาในเสียงเพลงที่ตนบรรเลง ทำให้เด็กผ่อนคลายและเกิดสมาธิในการบรรเลงขิม ส่งผลให้การเรียนในห้องเรียน หรือการทำกิจกรรมต่างๆ ของเด็กประสบความสำเร็จมากขึ้นตามลำดับ
คุณพ่อคุณแม่หรือท่านผู้ปกครอง จึงควรหันมามองบุตรหลานของท่านสักนิด ว่าเด็กมีอาการใกล้เคียงเด็กสมาธิสั้นหรือไม่ หากใกล้เคียงควรปรึกษาแพทย์ หรือส่งเสริมให้เด็กเรียนดนตรี ศิลปะ ร้องเพลง เต้นรำหรือนั่งสมาธิ เพราะกิจกรรมเหล่านี้จะทำให้เด็กมีสมาธิเพิ่มมากขึ้น และหลีกเลี่ยงการให้เด็กดูโฆษณาที่มีภาพเคลื่อนไหวเปลี่ยนไปมารวดเร็ว เนื่องจากภาพเหล่านั้นจะไปกระตุ้นสมองทำให้เด็กมีภาวะสมาธิสั้นได้ง่าย
อาการสมาธิสั้นสามารถบำบัดรักษาให้ดีขึ้นได้ เพียงแค่พ่อแม่ผู้ปกครองต้องให้ความเอาใจใส่กับเด็ก พูดคุย ซักถาม ให้เวลาในการทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันกับเด็ก ไม่ดุว่าหรือตี เพราะจะทำให้เด็กจดจำประสบการณ์ที่ไม่ดี และเด็กจะไม่เข้าใจว่าเขาทำอะไรผิด เนื่องจากอาการต่างๆ มาจากความผิดปกติของสมองหรือสารเคมีของร่างกาย ซึ่งตัวเด็กเองไม่สามารถควบคุมได้ พ่อแม่ผู้ปกครองและครูจึงเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดที่สามารถช่วยให้เด็กมีอาการดีขึ้นหรือหายขาดได้เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่

ดนตรีสำหรับเด็ก



ครูผู้สอนหลักสูตรดนตรีพื้นฐานสำหรับเด็ก ซึ่งจบการศึกษามาทางดนตรีโดยตรง อธิบายถึงประโยชน์ในการเรียนดนตรีของเด็กเล็กว่า จะช่วยพัฒนาเส้นใยสมองของเด็กให้สมบูรณ์ เพราะการเรียนดนตรี ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลง เปล่งเสียง เล่นเครื่องดนตรีอย่างง่าย จะเป็นการไปกระตุ้นกล้ามเนื้อ และประสาทสัมผัสให้ได้ทำงานอย่างครบวงจร
สมองของเด็กเล็กจะพัฒนาได้ดีตั้งแต่ในครรภ์ จนถึง 5 ขวบ ผู้ปกครองจึงเห็นความสำคัญอยากให้ลูกได้รับการกระตุ้นสมองด้วยการใช้ดนตรีมาช่วย สาเหตุที่ต้องเป็นดนตรี เพราะดนตรีมีคลื่นเสียงที่สามารถกระตุ้นการรับรู้ได้ดี จะเห็นได้ว่า ตั้งแต่ลูกอยู่ในท้องแม่ก็มักจะหาดนตรีมาให้ลูกฟัง เมื่อลูกได้รับการกระตุ้นสมองก็จะส่งผลให้เด็กรู้จักการเรียงลำดับความคิด มีสมาธิ มีเหตุมีผล และทำให้เรียนหนังสือได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น

วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ดนตรีช่วยฉลาด


นักวิทยาศาสตร์อเมริกัน นำโดย นีนา ครอส นักประสาทวิทยา มหาวิทยาลัยนอร์ธเวสเทิร์น รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา ค้นพบหลักฐานที่หนักแน่นชิ้นแรกที่ยืนยันว่า ดนตรีช่วยให้สมองมีพัฒนาการล้ำหน้าและช่วยให้มีหูเฉียบคมสำหรับรับฟังเสียงทุกชนิด รวมถึงเสียงพูดผลการศึกษาได้มาจากการวัดคลื่นสมองของอาสาสมัครผู้ใหญ่ 20 คน ครึ่งหนึ่งเคยฝึกเล่นดนตรีก่อนอายุ 12 ปี นานอย่างน้อย 6 ปี ที่เหลือฝึกเล่นดนตรีน้อยกว่า 3 ปี ทุกคนพูดอังกฤษเป็นภาษาแม่และไม่รู้จักภาษาจีน โดยให้ทั้งหมดดูหนัง ระหว่างนั้นปล่อยเสียงคำภาษาจีนกลางซึ่งจะเปลี่ยนความหมายไปตามระดับความสูงต่ำของเสียง 3 ระดับ พบว่า ขณะกำลังตั้งใจดูหนัง กลุ่มนักดนตรีได้ยินคำภาษาจีนที่มี 3 ระดับ ได้ดีกว่าคนที่ไม่ใช่นักดนตรีนีนา กล่าวว่า "ประสบการณ์ทางดนตรีส่งผลต่อพัฒนาการด้านอื่นๆ ในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหรือแยกแยะเสียงที่ต้องการรับฟังในห้องเรียนที่จ้อกแจ้ก ถือเป็นเรื่องผิดพลาด ถ้าโรงเรียนไหนงบน้อยแล้วเลือกยกเลิกการสอนดนตรี"
น.ส.เสาวลักษณ์ พ่วงสมบูรณ์ 48/186/1 รหัส 484186128

วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เพลงรีบไปโรงเรียน
หนูหนูเด็กๆทั้งหลายอย่านอนตื่นสายเป็นเด็กเกียจคร้าน
ตื่นเช้าจะได้เบิกบาน สดชื่นสำราญสมองแจ่มใส
อาบน้ำล้างหน้าสีฟัน รีบเร่งเร็วพลันแต่งตัวทันใด
รับประทานอาหารเร็วไวเสร็จแล้วก็รีบไปโรงเรียน
.....................................................
เพื่อนๆ มีความคิดเห็นอย่างไรกับเพลงนี้ เพราะอะไรถึงคิดอย่างนั้น