ครูผู้สอนหลักสูตรดนตรีพื้นฐานสำหรับเด็ก ซึ่งจบการศึกษามาทางดนตรีโดยตรง อธิบายถึงประโยชน์ในการเรียนดนตรีของเด็กเล็กว่า จะช่วยพัฒนาเส้นใยสมองของเด็กให้สมบูรณ์ เพราะการเรียนดนตรี ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลง เปล่งเสียง เล่นเครื่องดนตรีอย่างง่าย จะเป็นการไปกระตุ้นกล้ามเนื้อ และประสาทสัมผัสให้ได้ทำงานอย่างครบวงจร
สมองของเด็กเล็กจะพัฒนาได้ดีตั้งแต่ในครรภ์ จนถึง 5 ขวบ ผู้ปกครองจึงเห็นความสำคัญอยากให้ลูกได้รับการกระตุ้นสมองด้วยการใช้ดนตรีมาช่วย สาเหตุที่ต้องเป็นดนตรี เพราะดนตรีมีคลื่นเสียงที่สามารถกระตุ้นการรับรู้ได้ดี จะเห็นได้ว่า ตั้งแต่ลูกอยู่ในท้องแม่ก็มักจะหาดนตรีมาให้ลูกฟัง เมื่อลูกได้รับการกระตุ้นสมองก็จะส่งผลให้เด็กรู้จักการเรียงลำดับความคิด มีสมาธิ มีเหตุมีผล และทำให้เรียนหนังสือได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น
สมองของเด็กเล็กจะพัฒนาได้ดีตั้งแต่ในครรภ์ จนถึง 5 ขวบ ผู้ปกครองจึงเห็นความสำคัญอยากให้ลูกได้รับการกระตุ้นสมองด้วยการใช้ดนตรีมาช่วย สาเหตุที่ต้องเป็นดนตรี เพราะดนตรีมีคลื่นเสียงที่สามารถกระตุ้นการรับรู้ได้ดี จะเห็นได้ว่า ตั้งแต่ลูกอยู่ในท้องแม่ก็มักจะหาดนตรีมาให้ลูกฟัง เมื่อลูกได้รับการกระตุ้นสมองก็จะส่งผลให้เด็กรู้จักการเรียงลำดับความคิด มีสมาธิ มีเหตุมีผล และทำให้เรียนหนังสือได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น
การที่เพลงไปช่วยพัฒนาสมองนั้นเป็นเรื่องที่ดีแต่ผู้ร้องเพลงนั้นจะต้องร้องเพลงที่มีทวงทำนองที่ถูกต้องไม่ผิดเพี้ยนไปจากทำนองเดิม
ตอบลบวรรณษาจะขอยกตัวอย่างดนตรีสำหรับเด็กสมาธิสั้นน่ะค่ะ
ตอบลบเด็กสมาธิสั้น เป็นอย่างไร
เด็กสมาธิสั้น ( Hyperactive) หมายถึง เด็กที่ซนมากไม่อยู่นิ่ง แยกได้ 2 กลุ่มคือ
1. มีปัญหาเรื่องสมาธิบกพร่อง เช่น มีความลำบากในการฟังคำสั่งยาวๆ มีความลำบากในการทำงานหรือเล่นกิจกรรม อุปกรณ์การเรียนสูญหายบ่อย สนใจในสิ่งเร้าที่ไม่สำคัญ ขี้ลืม มักทำของหาย เหม่อลอย ช่างฝัน ลำบากในการทำกิจกรรมที่ต้องใช้สมองเป็นเวลานาน
2. อาการหุนหันพลันแล่นจนขาดความยับยั้งชั่งใจ ซึ่งมีลักษณะคือ ไม่รู้จักระวังตัวเอง ลุกออกจากที่นั่งบ่อย ชอบวิ่งหรือปีนป่าย พูดคุยมากเกินไป มีความลำบากในการเล่นคนเดียว ลุกลี้ลุกลน อารมณ์ร้อนแปลี่ยนแปลงง่าย ขาดความอดทน ชอบพูดขัดจังหวะ รบกวน ช่างฟ้อง
สาเหตุส่วนใหญ่ มาจาก ลักษณะถ่ายทอดทางพันธุกรรมในเรื่องของสารเคมีในสมองหรือระบบประสาทและ สภาพแวดล้อมก็เป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่ง
ดนตรีช่วยแก้ปัญหาเด็กสมาธิสั้นได้
ดนตรีมีประโยชน์มากมาย การฟังดนตรีทำให้เราผ่อนคลาย เพลิดเพลิน มีความสุข หากเราได้เล่นดนตรีก็ยิ่งเป็นการปลดปล่อยความเครียดที่ฝังอยู่ตามกล้ามเนื้อและเซลล์ประสาทให้ออกมากับการเล่นดนตรี ทำให้อารมณ์ดีขึ้น สามารถควบคุมอารมณ์ต่างๆ ได้ดีขึ้น ส่งผลให้ความเฉลียวฉลาดทางอารมณ์ EQ สูงขึ้น และเมื่อเด็กเรียนดนตรี เด็กจะมุ่งความสนใจไปที่เสียงดนตรีที่ตนเองสามารถทำให้เกิดขึ้นได้ เด็กจะเกิดความภาคภูมิใจในความสามารถของตนเอง และอยากจะเล่นดนตรีต่อไปเพื่อให้เกิดเสียงที่ไพเราะขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเด็กจดจ่ออยู่กับเสียงดนตรีที่ตนเองสร้างขึ้น ช่วงความสนใจของเด็กก็จะเพิ่มมากขึ้นทีละนิด ขี้นอยู่กับทำนองเพลงที่เด็กฝึกหัด เมื่อเริ่มแรกเด็กอาจฝึกหัดเพลงพื้นฐานสั้นๆ ช่วงความสนใจของเด็กอาจอยู่ในเวลา 1-2 นาที ลำดับต่อไปเด็กได้ฝึกเพลงที่มีความซับซ้อนมากขึ้นทีละนิด เด็กก็จะมีช่วงของความสนใจเพิ่มขึ้นเป็น 3-5 นาที และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากเด็กชอบและรักที่จะเล่นดนตรี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกำลังใจที่ครูผู้สอนและพ่อแม่ผู้ปกครองจะกระตุ้นให้เด็กเกิดความสนใจในดนตรีมากขึ้น การเสริมแรงจากครูและพ่อแม่ผู้ปกครอง เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวดที่จะทำให้เด็กเพิ่มความสนใจในดนตรี และจะทำให้ช่วงความสนใจของเด็กเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลไปสู่การเรียนในห้องเรียน การทำการบ้าน การอ่านหนังสือ หรือการทำสิ่งต่างๆ จากที่โรงเรียนดนตรีบ้านเก่งขิมได้สอนเด็กที่มีอาการเข้าข่ายสมาธิสั้น หรือมีช่วงความสนใจต่อสิ่งต่างๆ น้อยมาก เมื่อมาเรียนขิม เด็กหลายคนมีสมาธิดีขึ้น มีสภาวะอารมณ์ที่ดีขึ้น มีการระบายอารมณ์ออกมาในเสียงเพลงที่ตนบรรเลง ทำให้เด็กผ่อนคลายและเกิดสมาธิในการบรรเลงขิม ส่งผลให้การเรียนในห้องเรียน หรือการทำกิจกรรมต่างๆ ของเด็กประสบความสำเร็จมากขึ้นตามลำดับ คุณพ่อคุณแม่หรือท่านผู้ปกครอง จึงควรหันมามองบุตรหลานของท่านสักนิด ว่าเด็กมีอาการใกล้เคียงเด็กสมาธิสั้นหรือไม่ หากใกล้เคียงควรปรึกษาแพทย์ หรือส่งเสริมให้เด็กเรียนดนตรี ศิลปะ ร้องเพลง เต้นรำหรือนั่งสมาธิ เพราะกิจกรรมเหล่านี้จะทำให้เด็กมีสมาธิเพิ่มมากขึ้น และหลีกเลี่ยงการให้เด็กดูโฆษณาที่มีภาพเคลื่อนไหวเปลี่ยนไปมารวดเร็ว เนื่องจากภาพเหล่านั้นจะไปกระตุ้นสมองทำให้เด็กมีภาวะสมาธิสั้นได้ง่ายอาการสมาธิสั้นสามารถบำบัดรักษาให้ดีขึ้นได้ เพียงแค่พ่อแม่ผู้ปกครองต้องให้ความเอาใจใส่กับเด็ก พูดคุย ซักถาม ให้เวลาในการทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันกับเด็ก ไม่ดุว่าหรือตี เพราะจะทำให้เด็กจดจำประสบการณ์ที่ไม่ดี และเด็กจะไม่เข้าใจว่าเขาทำอะไรผิด เนื่องจากอาการต่างๆ มาจากความผิดปกติของสมองหรือสารเคมีของร่างกาย ซึ่งตัวเด็กเองไม่สามารถควบคุมได้ พ่อแม่ผู้ปกครองและครูจึงเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดที่สามารถช่วยให้เด็กมีอาการดีขึ้นหรือหายขาดได้เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่